Monday, September 10, 2012

ตะลุยมาดากัสการ์..ภาค3 ..ท่องแดนเหนือเพื่อค้นหาป่าไม้โขด

   

 สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน การผจญภัยไปค้นหาพันธุ์ไม้ในดินแดนเกาะมหัศจรรย์มาดากัสการ์ก็กลับมาตามคำเรียกร้องอีกครั้ง หลังจากที่ผมได้พาเพื่อนๆ ไปทัวร์ป่าหนามทางดินแดนตอนใต้และป่าหินซิงงีทางฝั่งตะวันตกเพื่อตามหาเบาบับยักษ์แล้ว มาคราวนี้ผมจะนำเพื่อนๆไปเยือนป่าหินอันมหัศจรรย์ในดินแดนตอนเหนือของเกาะ ซึ่งเต็มไปด้วยพรรณไม้อวบน้ำรวมถึงไม้โขดที่น่าสนใจหลายชนิดครับ พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ... 
โดย Nature Explorer [13 ต.ค. 2548 , 17:00:11 น.]


การเดินทางของผมครั้งนี้ก็เริ่มต้นจากเมืองหลวง Tana เช่นเคย จากนั้นเราก็นั่งเครื่องบินต่อขึ้นไปทางเหนือของเกาะ เพื่อไปยังเมือง Diego Suarez ที่มีสถานที่ตากอากาศหลายแห่ง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องธรรมชาติสำหรับคนชอบต้นไม้อย่างพวกเรา โดยจุดหมายปลายทางของผมอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Ankarana ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทือกเขาหินปูนแหลมๆที่เรียกกันว่า ซิงงี่ (Tsingy) ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของที่นี่ และของโลก ในภาพคือขบวนรถคณะของเราขณะกำลังเดินทางเข้าไปยังป่าหินอังคาราน ถนนยังคงโหดหินเหมือนกันทั้งเกาะ ฉะนั้นระยะทางแค่สองร้อยกว่าโลจึงต้องใช้เวลาเดินทางกันเป็นวัน!!


แล้วก็เป็นเช่นเดิม ที่เวลาเจอเจ้าต้นเบาบับต้นหน้าตาไม่เหมือนที่เราเคยเจอ ผมก็จะให้คณะหยุดลงไปดูกันใกล้ๆ อย่างต้นนี้ขึ้นอยู่ริมทะเลเป็นชนิด Adansonia suarezensis ที่หายาก เสียดายไม่มีลูกสุก แต่ยังโชคดีที่ผมเจอ Sansevieria ชนิดเฉพาะถิ่นของเกาะมาดา ตอนนี้นึกชื่อไม่ออก ต้นมันเหมือนงาช้างเขียวแต่ต้นแคระสูงเพียงหนึ่งคืบ มันขึ้นอยู่ตรงโคนต้นเบาบับนั่นแหละ เก็บหน่อเล็กๆ เอามาปลูกไว้ที่เมืองไทย เคยออกดอกมา พอตอนกลางคืนดอกมันหอมมากๆเลยครับ 


เมื่อทริปแรก ผมเคยพาสมาชิกไปชมป่าหนามทางตอนใต้มาแล้ว มาเที่ยวนี้เราก็มาชมป่าหนามของทางด้านเหนือของเกาะบ้าง ทว่าที่นี่ต้นไม้เด่นในป่าหนามจะเป็นคนละชนิดกับทางใต้ มันคือเจ้าต้นไม้ที่เพื่อนๆหลายคนอาจเคยซื้อต้นเพาะเมล็ดจากร้านคุณเดียวหรือคุณต้อม หรือต้นสูงกว่าฟุตจากร้านคุณโมทย์ไปปลูกเล่นอยู่ที่บ้านแล้วก็ได้ เห็นต้นใหญ่สูงลิบๆ แตกกิ่งเป็นกออย่างนี้เดาออกมั้ย... 
ใช่แล้วครับเขาหล่ะ Didierea madagascariensis นั่นเอง เมื่อก่อนเจ้าต้นนี้เป็นไม้หายาก ราคาแพงลิ่ว แถมหาซื้อก็ไม่ได้ ครั้นเมื่อปีสองปีมานี้มีเมล็ดออกขายในตลาดโลก จึงมีปลูกแพร่หลายกันในตอนนี้ ที่บ้านผมก็มีปลูกอยู่หนึ่งกอที่หน้าบ้าน ต้นสูงเกือบ 5 เมตรแล้ว ตอนที่ได้มาจากเพื่อนนักเล่น (คุณชัย) ก็ต้นสูงสองเมตรกว่าแล้วครับ ต้องใช้รถบรรทุกจากบ้านเพื่อนรัก คุณ Caudexhunter ไปช่วยขนมาให้ คงเพราะผมพิศสวาทเกาะนี่มากเป็นพิเศษเลยเอามันมาปลูกเป็น เสมือนสัญลักษณ์ไม้มาดากัสการ์ไว้หน้าบ้าน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเจ้านี่เป็นต้นไม้ที่แยกเพศ ต้องมีต้นที้งสองเพศจึงจะติดเมล็ดได้ 

หลังจากนั่งโยกเยกกันมาในรถเกือบทั้งวัน เราก็มาถึงเทือกเขาหินแห่งอังคารานอันยิ่งใหญ่ ภูมิลักษณ์แบบนี้ เกิดจากการกัดเซาะของกรดคาร์บอนิกในน้ำฝน ที่ค่อยๆกัดกร่อนเทือกเขาหินปูนทั้งแนวซึ่งยาวหลายสิบกิโลเมตรเป็นเวลามาเนิ่นนานนับล้านๆปีจนทำให้ผาหินเหล่านี้แหว่งเว้าเกิดเป็นยอดหินแหลมๆ กินพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตร ภายในเทือกเขาวงกตอันสลับซับซ้อนนี้ คือถิ่นที่อยู่ของพืชและสัตว์เฉพาะถิ่นหายากนานาชนิด


Pachypodium rutenbergianum

นอกจากสภาพถนนที่ทำให้คณะของเราเดินทางได้ช้าแล้ว สิ่งที่คอยถ่วงเวลาอีกอย่างก็คือตัวผมนั่นเอง...ก็ถ้าเป็นคุณเองจะห้ามใจไม่ยอมหยุดรถได้เหรอ...ถ้ามาเจออย่างผมนี่...!! ใช่แล้วครับเขาก็คือ Pachypodium rutenbergianum ต้นแท้ๆในถิ่นกำเนิด ซึ่งขึ้นอยู่ตามเส้นทางก่อนจะถึงจุดตั้งแคมป์ 



Close up ภาพดอกให้เห็นใกล้ๆ ครับ 

นี่ไงครับ บรรยากาศบริเวณลานแคมป์พัก อยากจะบอกว่าตอนกลางคืนอากาศที่นี่หนาวเย็น และเห็นดาวระยิบระยับเต็มฟ้า ในคืนนั้นผมฝันเห็นต้นไม้ที่อยากเจอ ..แต่รุ่งขึ้นผมจะได้เจอต้นอะไรบ้าง ต้องติดตามกันต่อน่ะครับ




ข้อความ 11
สนุกทุกภาคเลยนะครับ อ่านจนตาลายเยย ^^
โดย _มือใหม่_ [13 ต.ค. 2548 , 19:58:03 น.]

ข้อความ 12
Didierea madagascariensis ของคุณป้องสูงตั้ง5เมตรเลยหรือครับ รบกวนถ่ายรูปมาดูหน่อยได้มั้ยครับ ผมชอบต้นนี้มากเลย เมื่อก่อนพี่ต้อมเอามาขายต้นละพันสองสูงคืบกว่าผมอยากได้มากเลย เเต่ตอนปีสองปีมานี้คุณเดียวเเละโอเล่เพาะเมล็ดมาขายเลยถูกลงมาก
โดย tootoilet [13 ต.ค. 2548 , 20:35:29 น.]

ข้อความ 13
เห็นแล้วครั่นเนื้อครั่นตัวครับ
ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องไปให้ได้
ของเจ๋งๆ บาน

Sansevieria ที่ว่าเจอขึ้นอยู่โคนต้นบาวบับ
ถ้าต้นเป็นเหมือนงาช้างแล้ว ต้นแคระๆ ผมคิดว่าเป็น S. canaliculata
ซึ่งกลุ่มที่พบใน Madagascar จะมีขนาดแคระแตกต่างกับกลุ่มที่พบที่ Somalia ครับ
โดย PaRk [13 ต.ค. 2548 , 22:43:22 น.]

ข้อความ 14
คุณPaRk ถ้าเป็นเรื่องSansevieria ก็ต้องเชื่อคุณล่ะ
ผมเคยคุยกับคุณNature Explorer อยู่บ่อยๆว่าที่นี่เป็นที่ๆพวกเราต้องไปตลุยให้ได้ ซึ่งผมและพี่ป้องก็นึกถึงคุณขึ้นมาทุกครั้งที่คุยกันเรื่องมาดากัสการ์นี้ว่าเป็นที่ๆคุณควรจะไปสำผัสอย่างยิ่งเพราะมีแต่ของแปลกสไตล์พวกเรา แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าคุณจะชอบมาดากัสการ์ เพราะส่วนใหญ่มันเป็นไม้แล้ง ไม้ชื้นก็ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนอกจากเฟินกับกล้วยไม้ แต่พอเห็นคุณบอกว่าอยากไปก็รู้สึกดีนะ เราคงมีโอกาศได้ไปตลุยกัน
โดย caudexhunter [14 ต.ค. 2548 , 01:02:53 น.]

ข้อความ 15
ตามมาชมด้วยครับ...ถึงตอนผมยังไม่ค่อยรู้จักไม้ชนิดนี้
แต่ตามดูบ่อยๆแล้ว ก็มีความชอบเข้ามาเกาะกินใจซ่ะแล้วครับ

ไม้ใหญ่มากๆ...ชอบ ชอบดูด้วย
โดย Toon [14 ต.ค. 2548 , 08:53:46 น.]


ข้อความ 16
YES....! Thank you..คุณPaRk ใช่เลย..ต้นนั้นแหละ เจ้า San ต้นที่ผมเจอชื่อ S.canaliculata จริงๆ ด้วย สมกับที่เขาตั้งฉายาคุณว่า เจ้าพ่อเรื่องต้นไม้ Exotic Tropical แห่ง Pantip จริงๆ ว่าแต่ คุณมีหรือยังหละต้นนี้ ผมพอจะมีหน่อให้แบ่งไปเล่นครับ เดี๋ยวบ่ายๆ มีเวลาโหลดภาพ San บางต้นที่ผมเลี้ยงไว้เสร็จแล้ว ก็จะโพสให้ดูที่กระทู้ San ด่าง ของคุณครับ

เช่นกันครับคุณ Tootoilet พอดีเครื่องที่ผมออนไลน์นี้มันไม่มีพอร์ทให้เสียบโหลดภาพ ต้องให้น้องเอาไปโหลดอีกที่แล้วเมลส่งมาถึงจะมีภาพเจ้า Didierea madagascariensis ต้นหน้าบ้านผมให้คุณชมครับ ภาพคงไม่ได้เรื่องเท่าไรเพราะเมื่อเช้าฝนตกหนัก ออกไปถ่ายกันกลางฝนเลยแหละ ก่อนออกมาทำงานครับ คิดว่าคงช่วงบ่ายๆ หรืออย่างช้าก็เย็นนี้ครับ

ขอบคุณ คุณ Toon และเพื่อนท่านอื่นๆ ที่สนใจติดตามนะครับ ว่าแล้วก็ทัวร์พรรณไม้มาดากัสการ์กันต่อดีกว่าครับ 

ที่จริงบรรยากาศที่แคมป์พักของเรานั้นน่าสนุกอยู่ไม่น้อย เพราะตอนเช้าที่เราตื่นขึ้นมาเก็บเต้นท์นั้น เราเจอแมงป่องชนิดที่มีพิษร้ายแรงคลานกันอยู่ตามใต้ผ้าปูรองพื้นเต้นท์ โชคดีที่ไม่มีใครโดนต่อย

ว่าแต่ความเย้ายวนของการสำรวจพรรณไม้ในป่าหินมันมีมากกว่าความกลัวเกรงสัต-ว์พิษตัวจ้อยเหล่านี้ ผมจึงรีบออกไปเดินป่าแต่เช้า และป่ายปีนไปตามเส้นทางขึ้นสู่ป่าหินบนซิงงี่คนเดียว !! และแล้ว ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับการชมต้นเบาบับในป่าหิน ที่ใต้ร่มไม้บนพื้นที่มีแต่หิน ผมก็ได้เจอ succulent ที่น่าลัก...เอ้ย..น่ารัก และหายากต้นแรก Euphorbia ankarensis เจ้านี่เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นของเทือกเขาหินปูนแห่งนี้ จึงได้รับการตั้งชื่อตามสถานที่ พอดีช่วงที่ผมมาเจอนี้เป็นฤดูกาลที่เขากำลังออกดอก โดยต้นที่มีลักษณะเป็นแท่งๆ ยาวตั้งแต่ 2-3นิ้ว จนถึงหนึ่งฟุต จะทิ้งใบหมด ช่อดอกเรียงกันเป็นเหมือนมาลัยอยู่บนยอด ดูสวยทีเดียว




นี่คือภาพดอกชัดๆของ Euphorbia ankarensis โดยปรกติหลังจากออกดอกหมดไปแล้วมันก็จะแตกใบออกมา ใบจะมีขนนุ่มๆบนผิวใบ ต้นนี้ผมเคยเห็นร้านคุณจิ๋ว (รังอาวิชิต) มีไม้เพาะเมล็ดมาขาย กับต้นที่สั่งตรงจากนอกของร้านคุณเดียว ยังไงเพื่อนๆ ที่ชอบยูฟอร์เบียลองไปตามดูครับ ส่วนต้นที่ผมเคยได้มาจาก Dr Seymour Liden แห่ง CSSA เมื่อ10ปีกว่ามาแล้วนั้น ได้ยกให้เพื่อนคนหนึ่งเอาไปเล่นปัจจุบันต้นนั้นก็ยังอยู่แต่ไม่ยักติดเมล็ด เหลือแต่ต้นที่ผมเก็บเมล็ดมาเพาะเองจากแหล่งกำเนิด เดาว่าที่บ้านคุณ BEE ก็น่าจะมีพันธุ์อยู่นะ อันที่จริง พวกที่มีๆอยู่นี่ น่าจะจับต้นไม้มาแต่งงานกัน!!

ใครที่เห็นต้นในภาพนี้ ถ้าผมไม่บอกชื่อก็คงต้องเดาได้ว่าคงเป็น Aloe ชนิดหนึ่งแน่ๆ...ผิดครับ...ผมเองทีแรกที่เจอก็นึกว่าเป็น Aloe เหมือนกัน แต่พอมาศึกษาเพิ่มเติมในตำราทีหลังจึงรู้ว่าเจ้านี่คือไม้เฉพาะถิ่นหายากของเกาะมาดากัสการ์..แม้จะเป็นญาติใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้า Aloe แต่เนื่องจากเจ้านี่กับพรรคพวกอีกราว 10 ชนิดที่เกิดอยู่ในป่าหินที่ต่างๆ ของเกาะมาดากัสการ์ มันดันมีผลเป็นแบบที่มีเนื้อนุ่มๆ ไม่ยักเป็นฝักแห้งๆ แบบของ Aloe ทั่วๆไป นักพฤกษศาสตร์เขาก็เลยจัดจำแนกให้พวกที่ว่านี้เป็นอีกสกุลหนึ่งต่างหาก นั่นคือสกุล Lomatophyllum เจ้าต้นที่ผมเจอนี่คือชนิด L.prostratum มันกำลังติดลูกสุกพอดีเลย..
ให้เห็นกันชัดๆ ว่าลายใบเขาเท่ดี ผมได้เมล็ดมาเพาะขึ้นสามต้น แต่ต้นที่ปลูกไว้เองกับที่แบ่งเพื่อนอีกคนนึงไปก็กลับมาดาไปแล้ว เหลือแต่ที่เอาไปให้คุณ Jerry ที่ป่าละอู เห็นว่างอกงามต้นใหญ่โตแล้วก็ออกดอกติดเมล็ดเพาะขยายพันธุ์ได้.. น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

ปล ภาพนี้จากเวบในcollection สวน Huntington


นี่อีกรูป จะเห็นว่าเขามี variation ในลวดลายใบ บางต้นลายขาวๆ จะเยอะ บางต้นก็แทบไม่มีเลย

โดย Nature Explorer [14 ต.ค. 2548 , 11:15:03 น.]

พอดี คุณ Tootoilet บอกว่าอยากดูเจ้าต้น Didierea madagascariensis ที่ผมปลูกไว้หน้าบ้าน เลยเอามาให้ชมขั้นรายการทัวร์กันก่อนนะครับ ผมลองวัดความสูงด้วยไม้เมตรได้สี่เมตรกว่าๆ มันแตกกิ่งข้างออกมาด้วย ต้องคอยเอาสายยางไปมัดไว้ไม่ให้เอนออกไปทิ่มตำคนที่เดินผ่านไปผ่านมา



ว่าแล้วก็กลับมาทัวร์กันต่อนะครับ...



นอกจากไม้อวบน้ำต่างๆ ที่พวกเรารู้จักคุ้นเคยกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว เพื่อนๆอาจจะนึกไม่ถึงว่า ในป่าแล้งของมาดากัสการ์นี้ ยังมีพรรณไม้อีกกลุ่มที่เราไม่ค่อยจะนึกว่ามันก็เป็นไม้อวบน้ำหรือไม้ทนแล้งกับเขาด้วย นั่นก็คือพวกกล้วยไม้

ในบริเวณป่าหินที่อังคารานนั้นเอง ผมได้เจอเจ้าพวกกล้วยไม้ทนแล้งที่ว่า มันมีด้วยกันสองสามชนิดในบริเวณนั้น แต่ละต้นจะมีลวดลายบนใบแปลกตาสวยงามแตกต่างกันไปคนละแบบ กล้วยไม้พวกนี้อยู่ในสกุล Oreoclades 


นี่ก็เป็นอีกชนิดหนึ่ง ที่มีใบลายๆ ดูเหมือนกับจะพรางตัวให้กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เช่นเดียวกับเจ้ากล้วยไม้สกุล Vanilla ชนิดหนึ่งที่ไม่มีใบ แถมต้นมีลวดลายเหมือนกิ่งก่าดูแปลกดีพิลึก ซึ่งผมเจอมันเลื้อยเกาะอยู่ตามต้นไม้ในป่าหินด้วย





สิ่งที่เรียกความสนใจผมมากที่สุดในช่วงที่เดินอยู่ตามใต้ร่มไม้โปร่งๆในป่าหินนั้น นอกจากเจ้าบรรดาตัวลีเมอร์มงกุฎ กับเจ้าตัวพังพอนหางปล้องที่มาคอยแอบจ้องดูพวกเราที่เดินเข้ามาเที่ยวในอาณาเขตของพวกมันแล้ว ก็มีเจ้าต้นไม้โขดสกุล Adenia อันแสนน่าทึ่งนี่แหละที่ทำให้ผมต้องแวะลูบคลำไปตลอดทาง เจ้าต้นนี้ผมไม่ทราบชนิดที่แน่นอน เนื่องจากไม่เห็นใบที่อยู่ตามเถาซึ่งเลื้อยไต่ไปบนยอดไม้สูงลิบ


ที่จริงในเมืองไทยก็มีไม้โขดสกุลนี้หลายชนิดนะครับ บางชนิดหัวใหญ่ขนาดเท่าตัวคนเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ตามเขาหินปูนที่แห้งแล้ง อย่างต้นที่ผมปลูกไว้ศึกษาต้นนี้ ชื่อ Adenia heterophylla มาจากเขาหินปูนที่มีการทำสัมปทานระเบิดหินแถวสระบุรี!! 



ไม้โขดในสกุล Adenia นี้น่าสนใจไม่ใช่ย่อย ถ้าจะว่าไปแล้วสมาชิกบางชนิดในสกุลนี้จัดเป็น succulent ที่มีราคาซื้อขายในวงการนักสะสมแพงที่สุดต้นนึงในโลก !! เจ้าต้นที่ว่านี้ก็คือ Adenia pechuelii ( ต้นที่ผมหาภาพมาให้ชมอยู่นี้ ) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแองโกลา ในแอฟริกาตะวันตก เคยมีการเสนอขายกันใน USA ต้นนึง 3,000 เหรียญ คิดเป็นเงินแสนกว่าบาททีเดียวสำหรับต้น specimen สวยๆ ที่จริงหลายคนอาจไม่ทราบว่าในเมืองไทยก็เคยมีคนสั่งพันธุ์เจ้าต้นนี้เข้ามาเล่น !! แต่ไม่ใช่ต้นใหญ่ เป็นแค่กิ่งชำ ที่เวลาโตก็สามารถสร้างหัวตรงโคนต้นได้เช่นเดียวกับต้นเพาะเมล็ด แต่อาจจะไม่อวบใหญ่เท่า ผมเคยเห็นมีมาวางโชว์ขายอยู่ที่ร้าน Exotic Corner ในสวนจตุจักรวันพุธ ว่าแต่มันเป็นกิ่งกระจิ๋วเดียวแต่ราคาไม่จิ๋วตาม ใครอยากลองปลูกของแปลก ( + โคต-รแพง !!) ก็ลองไปถามหาดูได้

แจ้งให้เพื่อนสมาชิกที่เริ่มสนใจไม้โขด หรือ Fat Plant ทราบล่วงหน้าว่าตอนนี้ผมกับเพื่อนๆก๊วน Fat Plant กำลังช่วยกันเตรียมจัดทำสกู๊บเรื่องราวต่างๆทุกแง่มุมเกี่ยวกับไม้โขด เพื่อมาเผยแพร่เป็นกระทู้ให้เพื่อนๆได้ชมใน Mycacti เร็วๆนี้ครับ

ว่าแล้วก็ขอนั่งพักเหนื่อยข้างๆต้นไม้แสนน่าลัก!! นี่หน่อยนะ...ฮิ..ฮิ..
โดย Nature Explorer [14 ต.ค. 2548 , 11:15:03 น.]



พี่ป้อง
ต้นที่พี่มองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม คือ Adenia epigea ครับ

โดย 0bnyne O [14 ต.ค. 2548 23:10:52 น.]

แม่นแล้วคุณ Obnyne O ว่าแต่ต้นที่ผมได้เมล็ดจากมาดากัสการ์มาปลูกนะ ใบที่แตกมาใหม่ๆมันมีสีแดงเข้ม สวยมากเลยหล่ะ

โดย Nature Explorer [14 ต.ค. 2548 , 23:38:00 น.] 





ถ่ายรูปมาอวดกันมั่งสิ


โดย 0bnyne O [15 ต.ค. 2548 , 08:32:47 น.] 

ข้อความ 33

ได้เลย Obnyne O เดี่ยวรอกิ่งใหม่กำลังทำท่าจะแตกออกมาแล้ว จะว่าไปก็ชักไม่แน่ใจว่ามันจะใช่เจ้า epigea เพราะในตำราบอกเจ้านี่มีใบเป็นสามแฉก แต่ต้นของผมใบกลม ที่จริงอยากตัดชำกิ่งเจ้านี่อยู่เหมือนกัน เสร็จแล้วจะได้เอาไปแลกกับกิ่งต้นอื่นอีกสองต้นซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่ผมได้พันธุ์มาจากมาดากัสการ์แล้วได้แบ่ง seedling ไปให้คุณหมู (ลาดพร้าว) กับคุณปราโมทย์ (ร้านโมทย์ใน JJ) ไปเลี้ยงคนละต้น เพราะเผื่อว่ามันจะเป็นต้นคนละเพศ ออกดอกมาจะได้ติดเมล็ด ตอนนี้ต้นของผมหัวใหญ่เท่ากำปั้นแล้ว ผิวของมันก็เป็นหยักๆ สีเขียวสดดูเหมือนมะระขี้นกลูกยักษ์ แปลกดีครับ

โดย Nature Explorer [15 ต.ค. 2548 , 10:23:48 น.] 


พอดีผมหาภาพเจ้า Euphorbia ankarensis ตอนที่เริ่มแตกใบมาได้ เลยสแกนมาให้เพื่อนๆได้ชมกัน

โดย Nature Explorer [15 ต.ค. 2548 , 16:45:09 น.] 


ส่วนภาพนี้เห็นใบคลี่แล้ว ต้นนี้เวลาปลูกควรมีร่มเงาพรางแสง ไม่เช่นนั้นใบจะไหม้หมดครับ

โดย Nature Explorer [15 ต.ค. 2548 , 16:45:54 น.]





หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว ก็มาทัวร์กันต่อดีกว่าครับ นอกจากเจ้า Adenia ที่มีหัวเหมือนขวดขนาดยักษ์แล้ว ผมก็ได้เจอเพื่อนเก่า เจ้า Cyphostemma แต่คราวนี้ไม่ได้กอดเขาหรอกน่ะ ต้นนี้น่าจะเป็นชนิดที่หายากชื่อ Cypho. roseiglandulosum

โดย Nature Explorer [15 ต.ค. 2548 , 16:48:18 น.]  
 ผมค่อยๆ ปีนไปตามเส้นทางที่เขาทำเครื่องหมายชี้ทางไว้ จึงไม่กลัวหลง ยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ต้นไม้ขนาดใหญ่ก็น้อยลง ๆ และในที่สุด ช่วงที่โผล่พ้นแนวป่าโปร่ง ผมก็เจอเจ้านี่ หนึ่งในสุดยอดไม้โขด เพื่อนๆ เห็นแล้วทายถูกมั้ย...




เอ้า....เดินเข้าไปดูอีกต้นที่มีดอกด้วย ....พอจะทราบหรือยังครับ... ?


หลายคนคงร้องอ๋อ..ไปแล้ว เพราะที่บ้านอาจมีปลูกไว้อยู่........ใช่แล้วครับ เขาคือ Pachypodium decaryi นั่นเอง เจ้าต้นนี้จะพบขึ้นอยู่เฉพาะบริเวณแนวเขาทางตอนเหนือของเกาะมาดากัสการ์เท่านั้น อยากจะบอกเพื่อนๆว่าเจ้าต้นที่ออกดอกอยู่นี้ ดอกมันใหญ่มาก แล้วก็มีกลิ่นหอมคล้ายๆ กลิ่นดอกกุหลาบครับ 


ช่วงก่อนจะถึงส่วนที่เป็นหลังคาซิงงี่ ผมได้เจอ succulent ที่ออกจะคุ้นหน้าคุ้นตาคนไทยมากที่สุด เขาคือ โป๊ยเซียนจักรพรรดิ์ (Euphorbia viguieri) นั่นเอง เจ้าต้นนี้พบได้ในหลายแห่งบนเกาะ มี variety ต่างๆ มากมาย แตกต่างกันในรายละเอียดของหนามหรือดอกครับ


กว่าเราจะขึ้นมาถึงด้านบนได้ก็เกือบบ่ายคล้อย...หลายคนในคณะมัวไปสนุกกับเจ้าตัวลีเมอร์ที่เชื่องเหมือนแมว ต่างกรูกันเข้ามาจะขอกินกล้วยหอมที่เราพกขึ้นไป แต่ผมเหรอ....นู้น ออกไปไต่หินหาต้นไม้แปลกๆดีกว่า

ว่าแต่จะเจอต้นอะไรบ้างนั้น เพือนๆ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

โดย Nature Explorer [15 ต.ค. 2548 , 16:53:31 น.] 







ที่โผล่หน้าทะเล้นมานี่คือ นายฟังซัวร์ ไกด์ชาวมาลากาซี่ที่พูดอังกฤษได้ดีพอๆกับภาษาฝรั่งเศสที่เป็นภาษาทางการของที่นั่น

เพื่อนๆ เห็นไหมครับว่า ยอดหินปูนแหลมๆแถมแห้งแล้งและร้อนสบัดบนซิงงี่แบบนี้ มันช่างไม่เหมาะที่จะมีต้นไม้ชนิดใดมาขึ้นอยู่ได้ ...แต่ก็มี..ผมจะพาไปดูครับ 

หนึ่งในบรรดาไม้ทรหดบนซิงงี่ก็คือต้นนี้ครับ.....ต้นเป็นแท่งๆขึ้นอยู่ตามซอกหิน มันดูเหมือนจะเป็น Pachupodium ต้นเล็กๆ แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่...เอ...แล้วมันคืออะไรหล่ะ....  


ที่จริงเจ้าต้นนี้ผมก็ไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้หรอก เพราะเดินออกไปไกลจากทีมช่างภาพมาก แต่ก็ไปค้นภาพชนิดเดียวกันนี้จากหนังสือของ Professor Dr. Werner Rauh ที่แกเขียนถึงพรรณไม้อวบน้ำแห่งมาดากัสการ์เอาไว้ ดูแล้วเพื่อนๆ พอจะเดาได้มั้ยครับ...ใบ้ให้ว่าเป็น Euphorbia ชนิดหนึ่ง ที่ละม้ายคล้าย Pachypodium 


ใช่แล้วครับ นี่คือ Euphorbia pachypodioides หนึ่งในพรรณไม้หายากที่นักเล่นในบ้านเราหลายคนมีปลูกกันอยู่ แล้วเมื่อเร็วๆนี้ที่ร้านคุณต้อม กับร้านคุณโมทย์ ก็เพิ่งสั่งมาขายจากรัง Exotica ในเยอรมัน แล้วก็ที่ร้านท่ามะกาก็เพิ่งมีเอาเข้ามาจากญี่ปุ่น ใครชอบของแปลกๆ ก็ไปตามหากันได้ครับ

ก็อย่างรูปลักษณ์ที่เห็นนี่แหละครับ เจ้าต้นนี้มีหน้าตาทั้งต้น ทั้งหนาม และการแตกใบ คล้ายกับไม้สกุล Pachypodium อย่างยิ่ง มันเลยได้รับการตั้งชื่อชนิดว่า pachypodioides คำลงท้ายว่า ioides แปลว่า เหมือน นั่นเอง ยกตัวอย่าง Aloe haworthioides เจ้า Aloe ใบฝอยๆ ที่ร้านอาป้อมเอามาขายเป็นประจำนั่นแหละ บางท่านยังคิดว่าเจ้านี่เป็นสกุล Haworthia อยู่เลย ซึ่งก็ควรแล้ว เพราะชื่อก็บอกอยู่ว่า เหมือนHaworthia



Aloe haworthioides 

ต้นนี้ไงครับ เจ้านี่ก็เป็นหนึ่งในพรรณไม้เฉพาะถิ่นของเกาะมาดากัสการ์เช่นกัน

ที่จริงเกาะนี้มีไม้สกุล Aloe อยู่เพียบเลย ผมเองบางทีเจอตามข้างทาง แต่เสียดายไม่ได้เก็บภาพมา ไม่ทราบเพื่อนๆ มีใครเล่นเจ้าพวก Aloe อยู่บ้าง ผมเองก็เก็บไว้ได้หลายขนิดอยู่ ถ้าสนใจไว้จะเปิดกระทู้คุยกันเรื่อง Aloe กันใหม่ก็ได้นะครับ

โดย Nature Explorer [16 ต.ค. 2548 , 16:51:48 น.] 


 วันนี้พาทัวร์สั้นไปหน่อย ต้องขออภัย เพราะพอดีจะต้องออกไปสังสรรค์กับเพื่อนในก๊วน Fat Plant

เพื่อนๆ ท่านใดมีความคิดเห็น หรือข้อสักถามใดๆ ก็เชิญคุยเข้ามานะครับ ผมยินดีสนทนาด้วยอย่างยิ่ง แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาพาไปชมแหล่งที่คนบ้า Pachy เห็นแล้วจะต้องกรี๊ด...!! แน่นอนครับ

โดย Nature Explorer [16 ต.ค. 2548 , 17:00:55 น.]

ที่จริงในการมาเที่ยวมาดากัสการ์ครั้งนี้ เรามีโอกาสได้พบเจอสัต-ว์เฉพาะถิ่นแปลกๆมากมากทีเดียว แต่ไม่ค่อยจะได้เอามานำเสนอสักเท่าไหร่ เนื่องจากที่นี่เป็นเว็บบอร์ดคนเล่นต้นไม้ ถ้ามีเวลาจะไปเปิดกระทู้พาชมสัต-ว์ประหลาดใน Pantip ครับ

แต่ก็อดไม่ได้คงต้องให้เพื่อนๆ ได้ดูเจ้าตัวนี้เสียหน่อยเพราะมันน่าสนใจมาก หลายคนคงรู้จักเค้าดี เจ้ากิ้งก่า Chameleon นั่นเอง เจ้านี่ถือเป็นหนึ่งในบรรดาสัต-ว์สัญลักษณ์ประจำเกาะมาดากัสการ์นอกเหนือจากตัวลีเมอร์

บนเกาะมาดากัสการ์มีกิ้งก่าคามีเลี่ยนอยู่ราว 60 ชนิด จากที่มีอยู่ราว 140 ชนิดบนโลก เรียกว่าเกือบครึ่งอยู่ที่นี่ทีเดียวครับ 


เจ้าตัวที่เห็นในรูปนี้คือชนิดที่มีชื่อว่า Panther Chameleon (Fucifer pardalis) เราพบมันในพุ่มไม้ข้างรีสอร์ตตอนที่เราไปเที่ยวบนเกาะ Nosy Be เกาะตากอากาศ ใกล้ๆ ชายฝั่งทางตอนเหนือ สองตัวที่เห็นนี่เป็นชนิดเดียวกันนะครับ ตัวใหญ่กว่าสีเขียวเป็นตัวผู้ ส่วนตัวเล็กสีดำลายส้มนั่นเป็นตัวเมีย ชนิดนี้ในเมืองไทยมีคนสั่งพันธุ์อย่างถูกกฎหมายเข้ามาจำหน่ายเป็นสัต-ว์เลี้ยงแปลกๆ ด้วยครับ


โดย Nature Explorer [17 ต.ค. 2548 12:09:21 น.] 



เลยขึ้นไปทางชายฝั่งตอนเหนือของเมือง Diego Suarez จะเป็นที่ตั้งของเกาะเล็กกลางอ่าว เกาะนี้มีรูปทรงเหมือนปีระมิด มีชื่อเรียกว่า Montagne de Francais บนเกาะนี้มีพรรณไม้อวบน้ำที่น่าสนใจอยู่หลายชนิด หนึ่งในนั้นก็คือเจ้านี่ Euphorbia neohumbertii ที่มีต้นเพาะเมล็ดมาจำหน่ายอยู่เป็นประจำที่ร้านคุณเดียว กับร้านคุณบุญส่งครับ นี่เป็นภาพจากหนังสือแสดงให้เห็นตอนที่เขาทิ้งใบและกำลังมีดอก สวยมากเชียวครับ เราไม่ได้ขึ้นไปบนเกาะนั้น ได้แต่นั่งเรือผ่าน แล้วส่องกล้องดูตามหน้าผา เห็นมีพวก Aloe ขึ้นเกาะอยู่เพียบครับ

โดย Nature Explorer [17 ต.ค. 2548 , 12:10:25 น.]






นี่อีกภาพครับ และถ้าหากเราขึ้นไปที่แหลมบริเวณ Windsor Castle เราจะพบ Pachypodium baronii var. Windsor ที่มีต้นขนาดเล็กกว่าตัวปรกติครับ 

นี่แหละไฮไลท์ที่จะพามาดู เห็นรูปนี้แล้วคงไม่ต้องให้เสียเวลาเดากันก็ได้ครับ....เขาหล่ะครับ Pachypodium baronii ที่ขึ้นอยู่ตามหน้าผาริมชายฝั่งบริเวณแหลมด้านเหนือสุดของเกาะ น่าเสียดายตอนที่คณะเราไปถึงที่นั่นเป็นเวลาเย็นมาก อากาศก็ปิด ที่สำคัญเจ้าต้นพวกนี้มีแต่กิ่งโกร๋นๆ ไม่ใช่ฤดูดอกของเขา รูปที่เห็นนี้ผมไปหามาจากตำราของ Prof. Dr. Rauh มาให้เพื่อนๆ ได้ชมสภาพเจ้าต้นนี้ในธรรมชาติกันครับ

จากการพาเพื่อนๆ ทัวร์เกาะมาดากัสการ์มาด้วยกันทั้งสามตอน ผมอาจทำให้เพื่อนคิดว่าเกาะมาดากัสการ์เป็นดินแดนแห้งแล้งทั้งเกาะ แต่ที่จริงตลอดแนวชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะจะได้รับมรสุมตลอดปี ทำให้มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นที่อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตแลกประหลาดนานาชนิด และในป่าดิบแถวชายฝั่งนี้ก็ยังเป็นถิ่นกำเนิด Succulent ที่น่าสนใจบางตัว อย่างเจ้าต้นที่เห็นปลูกเป็นไม้กระถางอยู่ในภาพนี้ แรกเห็นอาจคิดว่าเป็นต้นโป๊ยเซียนดอกแดงๆ ธรรมดา แต่พอดูใกล้ๆ กลับพบว่าเจ้านี่ไม่มีหนาม เขาก็คือ Euphorbia geraldii หนึ่งในพรรณไม้มาดากัสการ์ที่หายากและสวยงามน่ารักมากๆ ครับ




ก่อนจะปิดทริปมาดากัสการ์ภาคนี้ลง ผมจะขอพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวในป่าดงดิบของที่นั่นเสียหน่อย เพื่อไปดูสัต-ว์ที่หายากใกล้สูญพันธุ์จากโลก

ในภาพคณะเรากำลังมองหาสัตว-ว์ประหลาดตัวหนึ่งจะพบเห็นได้เพียงแห่งเดียวในโลกที่อุทยานแห่งชาติ Andasibe ทางตอนกลางค่อนไปทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะมาดากัสการ์

โดย Nature Explorer [17 ต.ค. 2548 , 12:19:02 น.] 







ไม่ใช่เจ้าตัวในภาพนี้หรอกนะครับ แต่ที่เอามาให้ดูนี่ก็เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทราบว่าในอดีตก่อนที่จะมีมนุษย์ขึ้นไปอาศัยและทำลายธรรมชาติบนเกาะสวรรค์แห่งนี้นั้น มาดากัสการ์เคยมีตัวลีเมอร์ยักษ์ที่เป็นไพรเมต หรือสัต-ว์จำพวกลิงที่มีขนาดใหญ่เท่าลิงกอริล่าในปัจจุบัน นี่เป็นภาพจำลองที่นักสัต-ววิทยาวาดขึ้นจากซากกระดูกที่ค้นพบในป่าดิบที่นั่นครับ น่าเสียดายที่มันถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้เอง

ในปัจจุบันยงคงมีลีเมอร์อยู่ราวๆ 50 กว่าสายพันธุ์บนเกาะ ในจำนวนนั้นมีชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งตัวโตประมาณเด็กสามขวบอยู่หนึ่งชนิด และผมก็กำลังพาเพื่อนๆ มาค้นหาตัวจริงกันอยู่นี่ไงครับ..... 


นีไงครับเขาหล่ะ ตัว Indri Indri ลีเมอร์ สัต-ว์ที่หายากใกล้สูญพันธุ์ทีสุดชนิดหนึ่งของโลก เสียงร้องของเขานั้นโหยหวนวังเวงสุดๆ เชียวครับ ยังกับจะบอกกล่าวเหล่ามนุษย์ผู้กำขะตาโลกว่า โปรดเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกอย่างพวกเขาด้วยเถิด

และก่อนจบ ผมขอนำบทกลอนที่แต่งไว้จากความประทับใจในการไปตามหาตัวอินดรี่ในป่าดิบแดนสวรรค์แห่งนี้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

“ …..สดับเสียงกู่ร้องก้องป่า
ณ โลกเหนือนพสุธาถิ่นอาศัย
คือบรรพชีพเหล่าวานรแห่งผืนไพร
นำพาข้าท่องไปในแดนอัศจรรย์

ถึงแม้นห่างไกลสุดขอบฟ้า
จะดั้นด้นค้นหาตามความฝัน
เพื่อพบเจ้าตราบสิ้นแสงตะวัน
ยังเกาะสวรรค์หนึ่งเดียว...มาดากัสการ์...

แล้วพบกันครับ..เพื่อนๆ

โดย Nature Explorer [17 ต.ค. 2548 , 12:24:11 น.]